Digital Eye Strain คืออะไร ?

Eye Strain หรือ ความรู้สึกตาล้า มักเกิดขึ้นหลังจากที่เราใช้สายตาเพ่งมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ขับรถ หรือใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่อง ความรู้สึกนี้ไม่ร้ายแรง แต่ถ้าเกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยไม่แก้ไข ก็สามารถทำให้เกิดความไม่สบายตัวและลดประสิทธิภาพการทำงานได้ 

เรื่องน่ารู้ : 

เมื่อความรู้สึกตาล้าเกิดขึ้นหลังการใช้จอดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต จะเรียกว่า Digital Eye Strain ซึ่งปัจจุบันพบได้มากขึ้น เพราะคนยุคใหม่ใช้เวลาหน้าจอเฉลี่ยวันละหลายชั่วโมง ทั้งจากการทำงาน เรียนออนไลน์ และการใช้เวลาไปกับความบันเทิงอย่างการดูหนัง หรือเล่นเกม

ความรู้สึกตาล้า เป็นอย่างไร ?

  • ตามัว มองไม่ชัด
  • ตาแห้ง แสบตา หรือน้ำตาไหล
  • เห็นภาพซ้อนเมื่อเพ่งนาน

นอกจากนี้ อาจมีความรู้สึกทางร่างกายร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ โดยเฉพาะเวลาทำงานหน้าจอนาน ๆ หรือรู้สึกอ่อนเพลีย โฟกัสได้ยาก

แม้ความรู้สึกเหล่านี้มักจะหายไปเมื่อได้พักสายตา แต่หากเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ก็อาจแปลว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมากขึ้น

ที่มาของอาการ Digital Eye Strain เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

ใช้จอต่อเนื่องนานเกินไป

การเพ่งมองหน้าจอเป็นเวลานานโดยไม่พักสายตา ทำให้ตาของเราทำงานอยู่ตลอดเวลา เหมือนคนที่ออกกำลังกายโดยไม่หยุดพัก ยิ่งเราจ้องนาน สมาธิยิ่งลดลง ตาก็ยิ่งแห้ง เพราะคนส่วนใหญ่กะพริบตาน้อยลงกว่าปกติถึงครึ่งหนึ่ง ขณะใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ เมื่อทำซ้ำทุกวัน ความรู้สึกแสบตา เคืองตา จึงเริ่มตามมาโดยไม่รู้ตัว

แสงและความสว่างไม่เหมาะสม

ห้องที่มืดเกินไป หน้าจอที่สว่างเกินจำเป็น หรือแสงสะท้อนจากหน้าจอ ล้วนทำให้สายตาของเราต้องพยายามโฟกัสหนักกว่าปกติ ยิ่งช่วงกลางคืนหรือในห้องที่เปิดไฟไม่เพียงพอ ตาของเราจะต้องทำงานหนักขึ้นโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น ผลลัพธ์คือความรู้สึกเมื่อยล้าและปวดตาในตอนท้ายของวัน

ท่านั่งและระยะห่างไม่ถูกต้อง

หลายคนชอบนั่งก้มหน้าดูมือถือใกล้ ๆ หรือวางหน้าจอคอมพิวเตอร์สูงเกินไปจนต้องเงยหน้าขึ้นตลอดเวลา พฤติกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความรู้สึกตาล้า แต่ยังส่งผลต่อกล้ามเนื้อคอและบ่าด้วย ท่านั่งที่ดีควรให้จออยู่ต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย และห่างจากใบหน้าประมาณช่วงแขน เพื่อให้มองเห็นได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องเพ่งตลอดเวลา

ปัญหาสายตาที่ไม่ได้รับการแก้ไข

บางคนอาจไม่รู้ว่าตัวเองมีสายตาสั้น ยาว หรือเอียงเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่ายังมองเห็นได้ในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อใช้จอดิจิทัลนาน ๆ ปัญหาเหล่านี้จะชัดเจนขึ้น เช่น มองตัวหนังสือไม่ชัด ปวดหัว หรือรู้สึกเพลียง่าย ทางที่ดีควรตรวจสายตาอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และเลือกแว่นหรือคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมกับค่าสายตาของตนเอง

เมื่อเกิดความรู้สึกตาล้าควรทำอย่างไร ?

ปรับพฤติกรรมการใช้สายตา

  • ใช้หลัก 20-20-20 คือ ทุก 20 นาที ให้มองออกไปไกล 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) นาน 20 วินาที
  • พักสายตาสั้น ๆ ระหว่างทำงาน เช่น ลุกขึ้นเดินหรือหลับตาสักครู่

ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน

  • จัดแสงในห้องให้พอเหมาะ ไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป
  • ปรับความสว่างของหน้าจอให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับแสงรอบตัว
  • วางหน้าจอให้ต่ำกว่าระดับตาเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ตาและคอทำงานหนัก 

เคล็ดลับเพิ่มเติม

  • อาจใช้น้ำตาเทียมหากรู้สึกตาแห้ง
  • ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำเพื่อเช็กความผิดปกติ
  • รับประทานผักใบเขียวเข้มอย่างคะน้า บรอกโคลี ผักโขม และ ผักผลไม้สีเหลือง อย่างแครอท ฟักทอง ซึ่งเป็นกลุ่มอาหารที่มีลูทีน (Lutein) สารอาหารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพดวงตาให้เป็นไปตามปกติ

รู้ก่อนดีกว่า เมื่อไรควรไปพบจักษุแพทย์ ?

นอกจากความรู้สึกตาล้าที่เกิดขึ้นระหว่างวัน หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

  • ความรู้สึกตาล้าที่ไม่ดีขึ้นแม้พักสายตา
  • รู้สึกตามัวหรือเห็นภาพซ้อนบ่อยครั้ง
  • รู้สึกปวดตารุนแรงร่วมกับปวดศีรษะเรื้อรัง

สรุปได้ว่า Digital Eye Strain คือ ความรู้สึกตาล้าที่เกิดจากการใช้จอดิจิทัลนานเกินไป พบได้บ่อยในยุคปัจจุบันที่คนต้องทำงานและใช้ชีวิตกับหน้าจออย่างต่อเนื่อง แม้ไม่ใช่อาการที่รุนแรง แต่หากไม่แก้ไขก็อาจทำให้คุณภาพชีวิตลดลงได้ ซึ่งการพักสายตาเป็นประจำ ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม หรือการรับประทานผักและผลไม้ที่มีสารอาหารลูทีน ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยได้ 

เรื่องน่ารู้ : 

Q : ลูทีน (Lutein) เหมาะกับใคร ?

A: สารอาหารลูทีน เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพดวงตา โดยพบได้จากอาหารตามธรรมชาติ เช่น คะน้า บรอกโคลี ผักโขม แคร์รอต ฟักทอง มันเทศ โกจิเบอร์รี



ข้อมูลอ้างอิง

  1. Kahal, F., Al Darra, A., & Torbey, A. (2025). Computer vision syndrome: a comprehensive literature review. Future science OA, 11(1), 2476923.
  2. Kaur, K., Gurnani, B., Nayak, S., Deori, N., Kaur, S., Jethani, J., Singh, D., Agarkar, S., Hussaindeen, J. R., Sukhija, J., & Mishra, D. (2022). Digital Eye Strain- A Comprehensive Review. Ophthalmology and therapy, 11(5), 1655–1680.
  3. Pavel, I. A., Bogdanici, C. M., Donica, V. C., Anton, N., Savu, B., Chiriac, C. P., Pavel, C. D., & Salavastru, S. C. (2023). Computer Vision Syndrome: An Ophthalmic Pathology of the Modern Era. Medicina (Kaunas, Lithuania), 59(2), 412.
  4. Semp, D. A., Beeson, D., Sheppard, A. L., Dutta, D., & Wolffsohn, J. S. (2023). Artificial Tears: A Systematic Review. Clinical optometry, 15, 9–27.
  5. Lopresti, A. L., & Smith, S. J. (2025). The effects of lutein/ zeaxanthin (Lute-gen®) on eye health, eye strain, sleep quality, and attention in high electronic screen users: a randomized, double-blind, placebo-controlled study. Frontiers in nutrition, 12, 1522302.